|
ประเภทบทความ/งานวิจัย : เรื่องเล่า |
สถานะ : จัดทำโครงร่าง |
บทความ/วิจัย เรื่อง : โครงการอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงที่มีสารเคมีในเลือดอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย ปีงบประมาณ 2559 |
ผู้แต่ง : |
นางยุพิน สุ่มมาตย์ 5-3612-90004-09-5 |
ปี : 2559 |
|
|
|
หลักการและเหตุผล : |
ปี 2558 เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) ได้ทำการเก็บตัวอย่างผักเพื่อตรวจหาปริมาณสารพิษตกค้าง และได้ทำการแถลงผลการเฝ้าระวังการตรวจสอบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนในผัก ประจำปี 2558 จากตัวอย่างผักที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุด 10 ชนิด พบปริมาณสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานในผัก แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรไทยใช้สารเคมีจำนวนมากในแปลงเกษตรของตน ซึ่งจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชากรไทย ปี 2557 พบว่า ประเทศไทยมีผู้มีงานทำ 38.4 ล้านคน เป็นผู้ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองและไม่มีประกันทางสังคมจากการทำงาน หรือเรียกว่าเป็นแรงงานนอกระบบถึง 22.1 ล้านคน คิดเป็น 57.6% ของแรงงานทั้งหมด และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปพบว่า แรงงานนอกระบบมากกว่าครึ่งหนึ่งทำงานในภาคเกษตรกรรม เมื่อพิจารณาถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยในการทำงาน พบว่าแรงงานนอกระบบ ส่วนใหญ่ได้รับสารเคมีเป็นพิษมากที่สุดถึง 62.7%
สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบเฝ้าระวังผลกระทบไว้ทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่ ระบบเฝ้าระวังโรค การประเมินความเสี่ยง และการประเมินพฤติกรรม เป็นต้น ซึ่งระบบเฝ้าระวังผลกระทบของกรมควบคุมโรคสามารถทำงานได้เพียง 2 ด้าน คือ ระบบเฝ้าระวังโรค และการประเมินความเสี่ยง ซึ่งจากการคัดกรองความเสี่ยงนั้น พบว่า กลุ่มเกษตรกรเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงสุด โดยวัดจากผลการตรวจเลือด ด้านของระบบเฝ้าระวังโรคนั้น เมื่อดูข้อมูลจากการตรวจทั้งประเทศโดยบุคลากรสาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่มีการดำเนินงานตรวจเลือด หรือกิจกรรมต่างๆ ทางการเกษตร โดยแต่ละปีจะทำการตรวจเกษตรกร จำนวน 200,000-500,000 ราย จึงถือเป็นข้อมูลที่มีความหนักแน่นทางวิชาการ
จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2546-2555 พบว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเฉลี่ยปีละ 1,734 ราย สำหรับผลการตรวจปี 2555 ทำการตรวจเกษตรกรไปทั้งสิ้น 244,822 ราย พบเกษตรกรที่มีผลตรวจเลือดอยู่ในระดับไม่ปลอดภัยจำนวน 75,749 ราย คิดเป็น 30.94% ขณะที่ปี 2556 ทำการตรวจเกษตรกรไปทั้งสิ้น 314,805 ราย ในจำนวนนี้พบผลตรวจเลือดอยู่ในระดับไม่ปลอดภัยจำนวน 96,227 ราย คิดเป็น 30.54% และในปี 2557 ที่ได้ทำการตรวจเกษตรกรไปทั้งสิ้น 317,051 ราย พบว่าในจำนวนนี้ 107,820 ราย มีผลตรวจเลือดอยู่ในระดับไม่ปลอดภัย นั่นหมายถึงจำนวน 34% หรือ 1/3 ของเกษตรกรมีความไม่ปลอดภัยจากการใช้สารเคมีในงานเกษตรกรรม บ่งบอกว่าทิศทางความเสี่ยงของเกษตรกรที่มีการสัมผัสมากที่สุดนั้นยังไม่ได้ลดลง จึงเป็นสิ่งที่ต้องมาดูว่ากระบวนการต่างๆ ที่หน่วยงานจะต้องจัดการนั้นเป็นอย่างไร แม้แต่ละหน่วยงานจะมีแนวทางในการเฝ้าระวังเรื่องสารเคมีตกค้างในพืช แต่ความเสี่ยงของเกษตรกรในปี 2558 ยังไม่แน่ใจว่าจะมีทิศทางอย่างไร แต่จากผลในปี 2557 ชี้ชัดว่าแนวโน้มยังไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นจากปี 2555 และ 2556
ปัญหาการใช้สารเคมีในการเกษตรของประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า จากผลการตรวจสารเคมีฆ่าแมลงในเลือดประชาชน ในปี 2556 ทุกตำบลๆ ละ 2 หมู่บ้านทุกอำเภอในจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 342 ชุมชน จำนวน 25,841 คน พบว่าไม่ปลอดภัยถึงร้อยละ 62 และพบว่ามีบางอำเภอ ไม่ปลอดภัยมากที่สุดถึงร้อยละ 91 สถานการณ์อำเภอห้วยผึ้ง พบว่าตำบลนิคมห้วยผึ้ง พบระดับเสี่ยงสูงสุด ร้อยละ 59 ไม่ปลอดภัย ร้อยละ 33 จากสถานการณ์ดังกล่าว ลำพังเพียงหน่วยงานสาธารณสุขกับอาสาสมัครสาธารณสุขในชุมชน จึงไม่อาจจะรับมือกับสถานการณ์ปัญหาดังกล่าวได้
ดังนั้น องค์การบริหารตำบลนิคมห้วยผึ้งและคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขอำเภอห้วยผึ้ง (คปสอ.ห้วยผึ้ง) จึงได้จัดทำโครงการรณรงค์ลดการใช้สารเคมีและมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพที่เหมาะสม ปีงบประมาณ 2559 เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยด้านสุขภาพ การประกอบอาชีพ การเสริมสร้างทักษะ องค์ความรู้ ด้านสุขภาพในการประกอบอาชีพที่เหมาะสม สามารถจัดการสภาพแวดล้อมภายในชุมชนให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดีแบบพอเพียงและยังยืน สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมุ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบพอเพียง มีความสมดุลพอดี และมุ่งให้คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา
|
|
วัตถุประสงค์ : |
1. เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องร้อยละ 80
2. เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงที่มีระดับสารเคมีในเลือดในระดับเสี่ยง และไม่ปลอดภัยลดลงร้อยละ 10
3. เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยด้านสุขภาพจากการได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
4. เพื่อสร้างเสริมองค์ความรู้ ทักษะ ความตระหนักด้านสุขภาพ
|
|
กลุ่มเป้าหมาย : |
เกษตรกรกลุ่มเสี่ยง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 9 หมู่บ้าน ที่มีอาชีพเกษตรกร
อายุระหว่าง 15-60 ปี จำนวน 100 คน
|
|
เครื่องมือ : |
|
|
ขั้นตอนการดำเนินการ : |
งานเกษตรกรปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย
1. จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการภาคีเครือข่ายดำเนินงานเฝ้าระวังการใช้สารเคมีในชุมชน
2. จัดอบรมภาคีเครือข่าย วางแผนการดำเนินงาน และพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่าย
3. จัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการระดับชุมชน
4. จัดทำฐานข้อมูลสถานการณ์การใช้สารเคมี
5. จัดทำแผนบูรณาการส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์เพื่อลดการใช้สารเคมีในการทำเกษตร
6. จัดทำแผนบูรณาการการดำเนินงานเฝ้าระวังสารฆ่าแมลงในผักสด
7. สร้างภาคีเครือข่ายและพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายในระดับชุมชน
8. เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านสุขภาพจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ดังนี้
8.1 ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ผ่านหอกระจายข่าวหมู่บ้าน
8.2 ผู้นำชุมชน/อสม. ให้ความรู้ผ่านทางหอกระจายข่าวหมู่บ้าน (แจ้งข่าวร้ายกระจายข่าวดี)
9. จัดการอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงที่มีสารเคมีในเลือดอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย
10. ตรวจปริมาณสารเคมีในเลือดเกษตรกรซ้ำในกลุ่มตรวจไม่ปลอดภัย และเสี่ยง เพื่อสะท้อนผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชุมชน
|
|
|
|
|
ผลการศึกษา : |
1. ชุมชนผ่านเกณฑ์ปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี
2. ภาคีเครือข่ายมีข้อมูลสถานการณ์เพื่อเฝ้าระวังการใช้สารเคมีในชุมชน
3. ชุมชนมีแผนงานเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านสุขภาพจากสารเคมีในเลือดของประชาชน
4. ภาคีเครือข่ายระดับชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการด้านพฤติกรรมสุขภาพและการใช้สารเคมีในชุมชน
5. ชุมชนมีความปลอดภัยจากสารเคมีที่เกิดจากกระบวนการผลิตและที่ตกค้างในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
|
|
ข้อเสนอแนะ : |
|
|
|
|
|
รางวัลที่ได้รับ : |
ยังไม่ได้รับรางวัล |
|
|
|
|
|
ดาวน์โหลด : เอกสารฉบับเต็ม (Fulltext)
|
|
|
|
|