|
ประเภทบทความ/งานวิจัย : วิจัย |
สถานะ : จัดทำโครงร่าง |
บทความ/วิจัย เรื่อง : การพัฒนาแนวทางการดูแลเกษตรกรผู้มีสารกำจัดแมลงตกค้างในร่างกายด้วยการดื่มชาชงรางจืดร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
ผู้แต่ง : |
นางสาวจุฑามาศ ภูนีรับ |
ปี : 2560 |
|
|
|
หลักการและเหตุผล : |
จากการศึกษาและคัดกรองเกษตรกรในเขตพื้นที่ตำบลนาจำปา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร นิยมปลูกข้าว ปลูกอ้อย ยางพารา และมันสำปะหลัง นิยมใช้สารเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิต ทำให้พบสารกำจัดแมลงตกค้างในร่างกายของเกษตรกรสะสมเพิ่มมาขึ้นทุกปี อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้
ภาวะสารกำจัดแมลงตกค้างในร่างกาย สามารถตรวจพบด้วยการตรวจระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรัมด้วยกระดาษทดสอบพิเศษ (reactive paper) ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย แต่มีความจำเพาะเฉพาะสารเคมีในกลุ่มคาร์บาเมตและออร์กาโนฟอสเฟตเท่านั้น ซึ่งสารสองกลุ่มนี้เป็นสารที่นิยมในมาใช้ในการกำจัดแมลงของเกษตรกร เมื่อเกษตรกรได้รับสารพิษตกค้างของสารเคมีกลุ่มนี้สะสมเรื้อรัง จะทำให้ระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสในร่างกายลดลง ซึ่งถ้าได้รับในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป ร่างกายของคนเราจะสามารถปรับสภาพให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในเวลา 30 วันหากไม่ได้รับสารพิษเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามสมุนไพรรางจืด เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่นในด้านการถอนพิษเบื่อเมา หากสามารถนำมาช่วยขับล้างสารพิษในเกษตรกรได้ก็จะช่วยลดภาวะสารกำจัดแมลงตกค้างในเกษตรกรได้ และเร่งการขับสารพิษออกจากร่างกายให้เร็วขึ้น หากนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้และการป้องกันตนเองจากการสัมผัสสารเคมีทางการเกษตรของเกษตรกร ก็น่าจะสามารถช่วยลดปริมาณและระยะเวลาในการสะสมสารกำจัดแมลงตกค้างในร่างกายได้เพิ่มขึ้น จึงเป็นแนวคิดในการจัดทำแนวทางการดูแลเกษตรกรที่มีสารกำจัดแมลงตกค้างในร่างกายด้วยการดื่มชาชงรางจืดร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
|
|
วัตถุประสงค์ : |
1. เพื่อให้ทราบแนวทางการดูแลเกษตรกรที่มีสารกำจัดแมลงตกค้างของประชากรในเขตตำบลนาจำปาและขยายไปสู่ประชากรในอำเภอดอนจาน
2. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของชาชงรางจืดในการขับล้างสารกำจัดแมลงออกจากร่างกาย นำไปสู่การส่งเสริมการปลูกสมุนไพรรางจืดและการนำไปใช้ที่ถูกต้อง
|
|
กลุ่มเป้าหมาย : |
ประชากรในเขตตำบลนาจำปา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ผ่านการคัดกรองด้วยแบบคัดกรองความเสี่ยงการสัมผัสสารเคมีของกระทรวงสาธารณสุขและอยู่ในกลุ่มมีความเสียงสูงและกลุ่มมีความเสี่ยงสูงมาก ตรวจเลือดวัดระดับโคลีนเอสเตอร์เรสด้วยกระดาษทดสอบพิเศษ (reactive paper) มีผลอยู่ในกลุ่มมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย มีคุณสมบัติอื่นๆดังต่อไปนี้
1. อายุ 20-60 ปี
2. ไม่มีโรคประจำตัว
3. ไม่ได้รับประทานยาใดประจำ
4. ไม่มีการย้ายถิ่นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
5. สมัครใจเข้ารับการศึกษา
6. ไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
7. ไม่มีประวัติแพ้รางจืดหรือสาระสำคัญในรางจืด
|
|
เครื่องมือ : |
การศึกษาในครั้งนี้ศึกษาในประชากรในเขตตำบลนาจำปาที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ผ่านการคัดกรองและอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและสูงมาก มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์การคัดเข้าและสมัครใจเข้าร่วมการศึกษาครั้งนี้ ไม่มีโรคประจำตัวหรอรับประทานยาประจำและไม่มีความเสี่ยงอื่นๆที่เป็นปัญหาในการรับประทานชาชงรางจืดเพื่อขับล้างสารกำจัดแมลงตกค้างในร่างกาย จำนวนทั้งหมด 60 ราย แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละ 30 ราย กลุ่มที่ 1 รับประทานชาชงรางจืดขนาด 3 กรัม (ขนาดตามที่บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ ฉบับ 4 2556) ชงในน้ำเดือดนาน 5 นาที วันละสามครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น นาน 21 วัน กลุ่มที่สอง รับประทานรางจืดด้วยขนาดและวิธีเดียวกัน แต่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมีร่วมด้วย ทั้งสองกลุ่มจะได้รับการตรวจเลือดวัดระดับเอนไซม์ โคลีนเอสเตอรเรสทุกวันที่ 0, 7, 14, และวันที่ 21ของการศึกษา และทำแบบติดตามอาการข้างเคียงจากการรับประทานชาชงรางจืดตลอดการศึกษา |
|
ขั้นตอนการดำเนินการ : |
1. คัดกรองเกษตรกรผู้มีความเสี่ยงในการสัมผัสสารเคมีในเขตตำบลนาจำปา จำนวน 500 คน ด้วยแบบคัดกรองจากกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับการตรวจวัดระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส
2. แจ้งผลการตรวจให้กับเกษตรกรทราบ
3. ประชาสัมพันธ์และรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมการศึกษา
4. คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 60 คน สอบถามความสมัครใจและขอความยินยอมเข้าร่วมการศึกษาในครั้งนี้
5. ขออนุมัติจริยธรรมจากคณะกรรมการจริยธรรมการศึกษาวิจัยในมนุษย์โรงพยาบาลดอนจาน
6. ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง ติดตามผลจนสิ้นสุดระยะเวลาการศึกษา
7. เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
8. สรุปรายงานการศึกษา
9. แจ้งผลการศึกษา ผลการตรวจเลือดให้กับอาสาสมัคร คืนข้อมูลให้ชุมชน
10. จัดทำแนวทางการดูแลเกษตรกรที่มีสารกำจัดแมลงตกค้างของตำบลนาจำปา และขยายไปสู่อำเภอดอนจาน
|
|
|
|
|
ผลการศึกษา : |
|
|
ข้อเสนอแนะ : |
|
|
|
|
|
รางวัลที่ได้รับ : |
ยังไม่ได้รับรางวัล |
|
|
|
|
|
ดาวน์โหลด : เอกสารฉบับโครงร่าง
|
|
|
|
|