|
ประเภทบทความ/งานวิจัย : CQI |
สถานะ : จัดทำรายงาน |
บทความ/วิจัย เรื่อง : การป้องกันการตกเลือดหลังคลอด |
ผู้แต่ง : |
นางลำดวน ไชยบุตร |
ปี : 2560 |
|
|
|
หลักการและเหตุผล : |
ภาวะตกเลือดหลังคลอด เป็นความเสี่ยงทางคลินิกที่สำคัญของงานสูติกรรม ทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษามากขึ้น หรือในรายที่รุนแรงอาจเสียชีวิตได้ การเฝ้าระวังและวินิจฉัยตั้งแต่แรกเริ่มที่ รวดเร็ว จะช่วยลดอันตรายที่จะเกิดแก่มารดาหลังคลอดได้ การเตรียมพร้อมร่างกายตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์จนถึงระยะคลอดและการดูแลต่อเนื่องจนจำหน่าย ทำให้ลดภาวะตกเลือดหลังคลอดได้ สาเหตุที่สำคัญ มักเกิดจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี การฉีกขาดของปากมดลูกและรกค้าง เป็นต้น และในปี2557-2558 การประเมินภาวะตกเลือดยังมีความคลาดเคลื่อนขาดความละเอียดในการตวงเลือด เนื่องจากการคาดคะเนด้วยสายตา ไม่มีพาชนะในการตวง ทำให้ในบางรายไม่มีการบันทึกและเก็บข้อมูล ดังนั้นในปีเดือนกรกฎาคม 2559 เป็นต้นมาได้เริ่มใช้ถุงตวงเลือด ทำให้การบันทึกปริมาณเลือดมีความละเอียดและแม่นยำ สถิติตกเลือดหลังคลอดจึงเพิ่มขึ้น |
|
วัตถุประสงค์ : |
เพื่อลดอัตราการตกเลือดหลังคลอด
ตัวชี้วัด -ร้อยละการตกเลือดหลังคลอดไม่เกินร้อยละ 3
-ร้อยละการเกิด hypovolemic shock ร้อยละ 0
|
|
กลุ่มเป้าหมาย : |
มารดาหลังคลอดทุกราย |
|
เครื่องมือ : |
ทะเบียนการคลอด แบบบันทึกรายงานความเสี่ยง |
|
ขั้นตอนการดำเนินการ : |
การวางแผนดำเนินการ(Plan)
1. พัฒนาการคัดกรองมารดาที่มีภาวะเสี่ยงต่อการตกเลือดในห้องคลอด
2. พัฒนาการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยง PPH ระหว่างรอคลอด ขณะคลอด หลังคลอด
3. พัฒนาการส่งต่อ ที่มีประสิทธิภาพ
กิจกรรมดำเนินการ(DO)
Early detected
1. ประสาน ANC การฝากครรภ์คุณภาพ และส่งต่อข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด PPH ที่หน่วยงานห้องคลอด เช่น case anemia ,มีการติดป้าย hight risk ที่สมุดสีชมพูเพื่อเป็นการส่งต่อข้อมูล
2. คัดกรองความเสี่ยงการตกเลือดหลังคลอดตามแบบคัดกรองความเสี่ยง
3. ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
• low risk
- Latent phase FHR ,UC ทุก 2 ชม PV ทุก 4 ชม
- .Active phase FHR FHR ,UC ทุก 1 ชม PV ทุก 2 ชม.
• high risk
- Latent phase FHR ,UC ทุก 1 ชม PV ทุก 2 ชม.
- Active phase FHR FHR ,UC ทุก ½-1 ชม PV ทุก 1 ชม.
4.ใช้กราฟ pathographในการเฝ้าคลอด
Early management
1. ในระยะ 2 stage ดูแลตาม CPG รายงานแพทย์ตามเกณฑ์
2. ทำ Active management in 3 stage ( modified) ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
3. ประเมิน blood loss กรณีเสียเลือด≥ 3oo ml โดยใช้ถุงรองเลือด ให้รายงานแพทย์
4. วัดสัญญาณชีพ ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก 15 min X 4 , 30 min X 2 , ทุก 1 ชม.จน stable
Early refer
1. ส่งต่อผู้ป่วยกับรพ.ที่รับส่งต่อได้ทันเวลาตามเกณฑ์
|
|
|
|
|
ผลการศึกษา : |
หลังกิจกรรมปีงบประมาณต.ค.2559-ก.ค. 2560 พบมารดาที่มีภาวะ PPH 4 ราย (จำนวนผู้คลอด 206ราย) คิดเป็นร้อยละ1.94 (สาเหตุจากปากมดลูกฉีกขาด ,รกค้าง , แผลEpisiotomy มดลูกแตก )พบอัตราการเกิดHypovolemic shock ร้อยละ 25 (1 รายในผู้ป่วย 4 ราย)และพบว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่ปฏิบัติตามแนวทางการดูแลไม่มีการใช้ถุงรองเลือดในการวัดเลือดออกหลังคลอดทารกทำให้การคำนวณเลือดได้ผิดพลาดไม่สามารถให้การช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงทีได้
ทีมสหวิชาชีพหาแนวทางในการพัฒนาต่อไป
1.มีการทบทวนความเสี่ยงทุกครั้งที่เกิดอุบัติการณ์ความเสี่ยงโดยสหสาขาวิชาชีพ
2.ใช้ถุงรองเลือดทุกรายหลังคลอดทารกเพื่อประเมินการเสียเลือดอย่างเคร่งครัด
3. ทบทวนทักษะการทำคลอด/การทำคลอดรก แก่เจ้าหน้าที่
4.ใช้แบบคัดกรองความเสี่ยงที่แยกระดับความรุนแรงของความเสี่ยงสามารถวางแผนและเฝ้าระวังให้การดูแลรักษาพยาบาลได้ครอบคลุม และรายงานแพทย์ตามเกณฑ์
5.ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด
6.พัฒนาเจ้าหน้าที่ในห้องคลอดโดยส่งเรียนพยาบาลเวชปฏิบัติการดูแลมารดาและทารกในภาวะเสี่ยงสูงที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ขอนแก่น (2 ราย) จากผลการดำเนินงานไม่พบผู้ป่วยตกเลือดหลังคลอดเลยตั้งแต่ มกราคม 2560 – 31กรกฎาคม 2560
|
|
ข้อเสนอแนะ : |
- |
|
|
|
|
รางวัลที่ได้รับ : |
ยังไม่ได้รับรางวัล |
|
|
|
|
|
ดาวน์โหลด : เอกสารฉบับเต็ม (Fulltext)
|
|
|
|
|