ประเภทบทความ/งานวิจัย : CQI สถานะ : จัดทำรายงาน
   บทความ/วิจัย เรื่อง : รูปแบบการสร้างแรงจูงใจในการเข้ารับการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อค้นหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกอก
ผู้แต่ง : พัชรีพร ชินฤทธิ์ ปี : 2561
     
หลักการและเหตุผล : โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีเป็นโรคร้ายใกล้ตัว และเป็นมหันตภัยเงียบที่หลายคนคาดไม่ถึงเพราะเป็นโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน คือ พฤติกรรมการกินอาหารที่ปรุงจากปลาน้ำจืดมีเกล็ด ดิบ ๆ สุก ๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี หลักฐานทางระบาดวิทยา บ่งชี้ว่า การเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดี อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งประเทศไทยมีรายงานผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี สูงสุด ในปี พ.ศ. 2548 ประมาณ 28,000 ราย (วันละ 70 ราย ชั่วโมงล่ะ 3 ราย) และข้อมูลล่าสุดปี 2554 มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี 14,314 รายมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7,593 ราย และภาคเหนือ 2,638 ราย โรคนี้ถือว่าเป็นโรคที่เป็นปัญหาสำคัญและรุนแรงอย่างมาก ก่อให้เกิดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากผู้ป่วยมักอยู่ในช่วงอายุ 45 – 55 ปี ซึ่งเป็นวัยทำงาน (พรเทพ ศิริวนารังสรรค์. 2556) (WHO) จัดให้โรคพยาธิใบไม้ตับเป็นเชื้อก่อโรคมะเร็งท่อน้ำดี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมีอุบัติการณ์โรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงมากที่สุดในโลก ข้อข้อมูล พ.ศ.2557 พบความชุกพยาธิใบไม้ตับร้อยละ 9.2 ภาคเหนือพบร้อยละ 5.2 พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โรคนี้มีต้นทุนในการรักษาสูงประมาณ 5 แสนบาทต่อคน ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตต่ำมาก เนื่องจากพบผู้ป่วยมะเร็งในระยะท้ายๆ โครงการรณรงค์กำจัดโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี (CASCAP มหาวิทยาลัยขอนแก่น) รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพร้อมทั้งถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ปัจจุบันมีประชาชนกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งท่อน้ำดีจำนวน 6,000,000 คน และมีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีประมาณ 14,000 คนต่อปี จากการดำเนินงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกอก ปี ๒๕๖๐ พบว่า ประชาชนได้รับการคัดกรองโดยวาจา คิดเป็นร้อยละ 100 ได้รับการคัดกรองออนไลน์ คิดเป็นร้อยละ 98.59 ตรวจอุจาระประชาชนที่มีความเสี่ยงโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีจำนวน 94 คน พบพยาธิใบไม้ตับจำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 13.83 และตรวจซ้ำประชาชนที่พบพยาธิในปี ๒๕59 จำนวน 7 คนคิดเป็นร้อยละ100 ไม่พบติดเชื้อพยาธิซ้ำซ้อน ผู้ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีได้รับการรักษาจำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ได้รับการอัลตร้าซาวด์ จำนวน 3๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๔.๙๒ ซึ่งผลการดำเนินงานค่อนข้างต่ำ และยังไม่ครอบคลุมประชากรกลุ่มเป้าหมายสาเหตุมาจากประชาชนส่วนใหญ่ขาดความรู้ความเข้าใจต่อการอัลตร้าซาวด์ ในขณะที่การอัลตร้าซาว์ จะเป็นการค้นหามะเร็งในระยะแรก สามารถรักษาหายได้ถ้าตรวจพบก้อนมะเร็งในระยะเริ่มต้น รักษาโดยการผ่าตัดก่อนที่มะเร็งจะลุกลาม และทำให้คนไข้มีชีวิตยืนยาวขึ้น จากปัญหาดังกล่าว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกอก จึงได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยใช้ ’’รูปแบบการสร้างแรงจูงใจในการเขารับการตร้าซาวด์เพื่อค้นหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี” ขึ้นเพื่อให้เข้ากับบริบทของคนในชุมชน โดยมี อสม.OV /คู่หูบัดดี้ กลุ่มเสี่ยง ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักและมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง เหมาะสมในการจัดการตนเอง ชุมชน จนนำไปสู่การลดอัตราการเกิดโรคพยาธิใบไมตับและมะเร็งท่อน้ำดี ต่อไป  
วัตถุประสงค์ : ๑. เพื่อค้นหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในระยะเริ่มต้น กลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจอัลตร้าซาวด์ครอบคลุมเพิ่มขึ้น ๒. เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจต่อโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ๓. เพื่อหารูปแบบการสร้างแรงจูงใจในการอัลตร้าซาวด์ ให้เข้ากับบริบทชุมชน  
กลุ่มเป้าหมาย : ๑. อสม.OV คู่หูบัดดี้ ภาคีเครือข่ายในชุนได้แก่ สท. ผู้นำชุมชน แกนนำสุขภาพ ครู และกลุ่มเสี่ยงในเขตรับผิดชอบจำนวน 1๒๖ คน  
เครื่องมือ : ใช้แบบประเมินผลการจัดการฝึกอบรมของกลุ่มเป้าหมาย(ผู้เขาร่วมโครงการ) จำนวน ๒ ส่วน ๑. ประเมินความรู้ที่ได้รับก่อนและหลังการฝึกอบรม ๒. ประเมินความพึงพอใจต่อภาพรวมของรูปแบบการสร้างแรงจูงใจในการเข้ารับ การอัลตร้าซาวด์เพื่อค้นหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี” ๑๐. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล แจกแบบประเมินให้ผู้เข้าร่วมอบรมในระหว่างการอบรม และรวบรวม แบบประเมินผล เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรม และเสร็จสิ้นการดำเนินงาน โดยนำข้อมูลจากแบบประเมินมาวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักสถิติร้อยละค่าเฉลี่ย ๑๑. วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา อัตราส่วนค่าร้อยละและวิธีทางสถิติเบื้องต้น โดยกำหนดให้มี ๕ ตัวเลือก ให้คะแนนเต็มเท่ากับ ๕ ค่าเฉลี่ยตัวกลาง เท่ากับ ๒.๖๐และแบ่งเขตุคำตอบของค่าเฉลี่ยตัวกลางเลขคณิต ดังนี้ ค่าเฉลี่ยตั้งแต่ ๔.๒๐ – ๕.๐๐ อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง ๓.๔๐ – ๔.๑๙ อยู่ในเกณฑ์ดี ค่าเฉลี่ยระหว่าง ๒.๖๐ – ๓.๓๙ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ค่าเฉลี่ยระหว่าง ๑.๘๐ – ๒.๕๙ อยู่ในเกณฑ์น้อย ค่าเฉลี่ยตั้งแต่ ๑.๐๐ – ๑.๗๙ อยู่ในเกณฑ์ควรปรับปรุง  
ขั้นตอนการดำเนินการ : ขั้นเตรียมการ ๑. ค้นหากลุ่มเสี่ยง ศึกษาข้อมูล รวบรวมข้อมูล ทั้งในฐานข้อมูล JHCIS และในชุมชน ๒. เขียนแผนงานโครงการ ของบประมาณสนับสนุนจากกองทุนสุขภาพตำบลผาเสวย ๓. จัดทำสื่อ คู่มือ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์/ เอกสารต่างๆให้เพียงพอ จัดตั้งไลน์กลุ่มภาคี ขั้นดำเนินงาน ๑. อบรมให้ความรู้/แจ้งสถานการณ์โรคโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี อสม. OV ภาคีเครือข่าย สท. ผู้นำชุมชน แกนนำสุขภาพ และ กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 1๒๖ คน ( 2 รุ่น ) ๒. จัดกิจกรรมจับสลาก คู่หูบัดดี้ แก่ อสม OV. ภาคีเครือข่าย สท. ผู้นำชุมชน กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ๔๐ปีขึ้นไป ( โดยให้ อสม OV. ภาคีเครือข่าย สท.และ ผู้นำชุมชน 1 คน จับสลากรายชื่อกลุ่มเป้าหมายมา 1 คน จับได้ชื่อใครจะได้คนนั้นเป็นบัดดี้) ๓. ทำพันธะสัญญาใจข้อตกลงร่วมกัน ระหว่าง คู่หูบัดดี้ทั้งสองฝ่าย ในการติดตามพาเพื่อนบัดดี้ไปรับการอัลตร้าซาวด์ในวันที่นัดหมายและติดตาม F/U ในกรณีย์ผิดปกติ ๔. ลงชื่อใบยินยอมเขาร่วมโครงการโดยสมัครใจ รวมรวมเอกสารลงทะเบียนกลุ่มเสี่ยง www cascap.go.th สัมภาษณ์กลุ่มเสี่ยง cca 01 ๕. นัดหมายส่งต่อ /ขอรถรับส่งจากเทศบาลตำบลผาเสวยเพื่อรับกลุ่มเป้าหมายไปรับการอัลตร้าซาวด์ ที่ รพ.สมเด็จ ( cca 02 ) ตามวันเวลาที่ รพ.กำหนดให้ ๖. ประสานงาน จนท.รพ.สมเด็จ จัดคิว/ช่องทางด่วนบริการอัลตร้าซาวด์ ๗. จัดบริการอาหารและเครื่องดื่มหลัง อัลตร้าซาวด์ และส่งกลับบ้านโดยรถเทศบาลตำบลผาเสวย ขั้นประเมินผล ๑. สรุปผลผลการดำเนินงานหลังเสร็จสิ้นโครงการ สรุปปัญหา/ อุปสรรคและแนวทางพัฒนา ขั้นสะท้อนกลับข้อมูล ๑. ติดตามข้อมูลในระบบ Isan cohort / ทางไลน์ การสอบถาม ติดตามข้อมูลหลังอัลตร้าซาวด์และส่งต่อในรายทีผิดปกติ ๒. คืนข้อมูลให้กลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการ/ติดตามดูแลกลุ่มเสี่ยงที่บ้าน/ FU ตามสภาวะโรค  
     
ผลการศึกษา : ผลลัพธ์ตามตัวชี้วัด ๑๓.๑ กลุ่มเป้าหมาย 40 ปี ขึ้นไปได้รับการตรวจอัลตร้าซาวด์ จำนวน ๑๒๖ คนคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ แจกแจงตามตารางดังต่อไปนี้ ตารางที ๑ แสดงจำนวนประชากรกลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับการอัลตร้าซาวด์แยกตามรายหมู่บ้าน กิจกรรมอัลตร้าซาวด์ ๔๐ปีขึ้นไป หมู่ที่ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เป้าหมาย ผลงาน ร้อยละ บ้านหนองบัว 1 22 ๒๒ ๑๐๐ บ้านกอก ๒ ๒๖ ๒๖ ๑๐๐ บ้านโคกกลาง ๓ 22 22 ๑๐๐ บ้านหนองแสงน้อย ๔ ๒๔ ๒๔ ๑๐๐ บ้านหนองไผ่นพคุณ ๕ ๑๔ ๑๔ ๑๐๐ บ้านกอก ๑๑ ๑๘ ๑๘ ๑๐๐ รวม ๑๒๖ ๑๒๖ ๑๐๐ แผนภูมิ ๒ แสดงจำนวนประชากรกลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับกการอัลตร้าซาวด์แยกตามรายหมู่บ้าน ๑๓.๒ ผลการประเมินความรู้ ความเข้าใจต่อโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี จำนวนผู้ตอบแบบประเมิน ผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน ๑๒๖ คน มีผู้ตอบแบบประเมินและได้รับแบบประเมินฯ คืนกลับมาจำนวน ๑๐๕ ชุด คิดเป็นร้อยละ 8๓.๓๓ ตารางที่ ๒ ประเมินความรู้ความเข้าใจ ต่อโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ก่อนและหลังการฝึกอบรม ลำดับ ประเด็นคำถาม ร้อยละ _ x แปรผล ๑ ผลการประเมินความรู้ ความเข้าใจต่อโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีก่อนเข้ารับการฝีอบรม ๔๑.๔๒ ๒.๐๗ น้อย ๒ ผลการประเมินความรู้ ความเข้าใจต่อโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีหลังเข้ารับการฝีอบรม ๗๗.๕๒ ๓.๘๗ ดี จากข้อมูลตามตารางที่ ๒ แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ ต่อโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีหลังจากเข้ารับการฝึกอบรมแล้ว อยู่ในเกณฑ์ ดี โดยพิจารณาจากความรู้ ความเข้าใจ ก่อน เข้ารับการฝึกอบรมมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ ๒.๐๗ คิดเป็นร้อยละ ๔๑.๔๒ และ หลัง เข้ารับการฝึกอบรมมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ ๓.๘๗ คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๕๒ ๑๓.๓. ผลการประเมินความพึงพอใจภาพรวมต่อรูปแบบการสร้างแรงจูงใจในการอัลตร้าซาวด์ เพื่อค้นหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี” เก็บข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายอายุ ๔๐ ปี ที่เขารับการอัลร้าซาวด์ ๑๒๖ คน มีผู้ตอบแบบประเมินและได้รับแบบประเมินฯ คืนกลับมาจำนวน ๘๕ ชุด คิดเป็นร้อยละ ๖๗.๔๖ ตารางที่ ๓ จำนวนและร้อยละ ความพึงพอใจภาพรวมต่อรูปแบบการสร้างแรงจูงใจในการอัลตร้าซาวด์ เพื่อค้นหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี” รายการ ระดับความพึงพอใจ มากที่สุด ร้อยละ มาก ร้อยละ ปานกลาง ร้อยละ น้อย ร้อยละ น้อยที่สุด ร้อยละ 1. ความพึงพอใจด้านกระบวนการ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1.1. รูปแบบกิจกรรมการจัดกิจกรรม ๖๘ ๘๐ ๑๐ ๑๑.๘ ๕ ๕.๙ ๒ ๒.๓ ๒33 1.2 ลำดับขั้นตอนในการจัดกิจกรรม ๖๓ ๗๔.๑ ๑๔ ๑๖.๕ ๖ ๗.๑ ๒ ๒.๓ 33 1.3 ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม ๖๐ ๗๐.๖ ๑๓ ๑๕.๓ ๘ ๙.๔ ๓ ๓.๕ ๑ ๑.๒ 1.4 เอกสารและสื่อประกอบการจัดกิจกรรม ๕๘ ๖๘.๓ ๑๗ ๒๐ ๔ ๔.๗ ๔ ๔.๗ ๒ ๒.๓ 1.5 ความเหมาะสมของกิจกรรมการจัดกิจกรรม ๖๒ ๗๓.๐ ๑๓ ๑๕.๓ ๖ ๗.๑ ๒ ๒.๓ ๒ 3๒.๓ 2. ความพึงพอใจด้านคณะทำงาน 2.1 คณะทำงานมีกิริยามารยาทเรียบร้อย ๖๓ ๗๔.๑ ๑๔ ๑๖.๕ ๖ ๗.๑ ๒ ๒.๓ 2.2 คณะทำงานมีความสามารถในการดูแลและแก้ปัญหา ๖๐ ๗๐.๖ ๑๓ ๑๕.๓ ๘ ๙.๔ ๓ ๓.๕ ๑ ๑.๒ 3. ความพึงพอใจด้านสิ่งอำนวยความสะดวก 3.1 สถานที่จัดกิจกรรม ๖๑ ๗๑.๘ ๑๔ ๑๖.๕ ๗ ๘.๒ ๒ ๒.๓ ๑ ๑.๒ 3.2 มีการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม ๖๒ ๗๓.๐ ๑๓ ๑๕.๓ ๖ ๗.๑ ๒ ๒.๓ ๒ 3๒.๓ 4. ความพึงพอใจด้านคุณภาพการจัดกิจกรรม 4.1 ท่านได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคุ้มค่า ๖๘ ๘๐ ๑๐ ๑๑.๘ ๕ ๕.๙ ๒ ๒.๓ 4.2 ท่านสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ๖๘ ๘๐ ๑๐ ๑๑.๘ ๕ ๕.๙ ๒ ๒.๓ 5. โดยภาพรวมทั้งหมดท่านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ ๗๐ ๘๒.๔ ๘ ๙.๔ ๔ ๔.๗ ๒ ๒.๓ ๑ ๑.๒ จากข้อมูลตามตารางที่ ๓ แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจโดยภาพรวมทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ดีมาก คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๔  
ข้อเสนอแนะ : ควรมีการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมและน่าสนใจมากขึ้นและควรมีการขยายผลความสำเร็จสู่กลุ่มเป้าหมายในปีงบประมาณต่อไป  
     
รางวัลที่ได้รับ : ยังไม่ได้รับรางวัล  
     
  ดาวน์โหลด : เอกสารฉบับเต็ม (Fulltext)