|
ประเภทบทความ/งานวิจัย : วิจัย |
สถานะ : จัดทำรายงาน |
บทความ/วิจัย เรื่อง : การศึกษารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ |
ผู้แต่ง : |
ชิษณุพงศ์ ดาด้วง และคณะ |
ปี : 2559 |
|
|
|
หลักการและเหตุผล : |
การป่วยด้วยโรคเบาหวาน สิ่งที่เป็นอันตรายมากที่สุด คือจะมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนกับระบบการทำงานของร่างกาย ซึ่งมีอันตรายไม่น้อยกว่าโรคมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ อีกทั้งการที่มีอายุมากขึ้น เพศที่ต่างกัน ร่างกายถูกใช้งานเป็นระยะเวลานาวนาน ขาดการดูแลที่ถูกต้องเหมาะสม ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานระบบต่าง ๆ ของร่างกายก็เริ่มเสื่อมถอยไปตามอายุที่มากขึ้น เช่น ตับอ่อน ที่คอยทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) เพื่อทำหน้าที่เผาพลาญน้ำตาล ก็ลดประสิทธิภาพลงด้วยเช่นกัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นิสัยส่วนบุคคล เป็นวิธีที่ถือว่าเป็นการการลดอุบัติการณ์ ความชุกของโรค และป้องกันความรุนแรงของโรคจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ การมีความรู้ในการวางแผนในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมและต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อเป็นแนวทางในการจัดบริการให้ผู้ป่วยเบาหวานมีพฤติกรรมการปฏิบัติตัว เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน |
|
วัตถุประสงค์ : |
1. ศึกษารูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยเบาหวาน ตำบลโคกสมบูรณ์ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
2. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพเพื่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยเบาหวาน ต่อไป
|
|
กลุ่มเป้าหมาย : |
ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนามล ตำบลโคกสมบูรณ์ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ |
|
เครื่องมือ : |
เป็นแบบสอบถามซึ่งมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 3 ระดับ ได้แก่ เห็นด้วยอย่างยิ่ง เห็นด้วยปานกลาง ไม่เห็นด้วย และ ปฏิบัติเป็นประจำ ปฏิบัติเป็นบางครั้ง ไม่ปฏิบัติ ประกอบด้วยคำถาม ด้านความรู้ ด้านการรับรู้โอกาสเสี่ยงและความรุนแรง ด้านการรับรู้ประโยชน์และอุปสรรค และด้านการปฏิบัติในการดูแลตนเอง |
|
ขั้นตอนการดำเนินการ : |
รูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ มีกิจกรรมดังนี้ คือ
๑ เก็บข้อมูลก่อนเข้าร่วมโครงการ
- ข้อมูลทั่วไป
- ความเชื่อด้านสุขภาพ
- การปฏิบัติตัว
- ระดับน้ำตาลในเลือด
๒ กิจกรรมครั้งที่ ๑ (สัปดาห์ที่ ๑)
- บรรยายประกอบสื่อ สร้างการรับรู้โอกาสความเสี่ยงและความรุนแรงของอันตราย จากภาวะแทรกซ้อนเบาหวาน ที่เกิดจากการที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
๓ กิจกรรมครั้งที่ ๒ (สัปดาห์ที่ ๒)
- บรรยายประกอบสื่อ สร้างการรับรู้การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โดยการฝึกปฏิบัติการออกกำลังกาย ฝึกปฏิบัติการดูแล การตรวจ การทำความสะอาด สมาธิบำบัด การบริโภคอาหาร
- เก็บข้อมูลหลังร่วมกิจกรรมทันที
-ความเชื่อด้านสุขภาพ
๔ เก็บข้อมูลระยะติดตาม (สัปดาห์ที่ ๔ )
- ความเชื่อด้านสุขภาพ
- การปฏิบัติตัว
- ระดับน้ำตาลในเลือด
๕ เก็บข้อมูลระยะติดตาม (สัปดาห์ที่ ๘)
- ระดับน้ำตาลในเลือด
|
|
|
|
|
ผลการศึกษา : |
ด้านความเชื่อด้านสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อด้านสุขภาพมากขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.001) ผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาจากการประยุกต์ใช้แนวคิดทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ เป็นเครื่องมือในการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ การฉาย วีดีทัศน์ นำเสนอภาพนิ่ง ที่สื่อให้เห็นโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน หากปฏิบัติตัวไม่ถูกวิธี ซึ่งจะนำมาถึงภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน การสื่อให้เห็นถึงความรุนแรงของโรค อันเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน
ด้านการปฏิบัติตัวเพื่อเพื่อการดูแลตนเองที่ถูกต้อง กลุ่มตัวอย่างมีการปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.001) ผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาจากการจัดกิจกรรมสาธิตและฝึกปฏิบัติ การดูแลเท้า การฝึกสมาธิ การออกกำลังกาย การผ่อนคลายความเครียด การสาธิตเมนูเพื่อผู้ป่วยเบาหวาน ให้กลุ่มทดลองได้ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพตนเอง ส่งผลให้มีพฤติกรรรมดูแลตนเองที่ถูกต้องมากขึ้น
ด้านผลค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือด กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือด ดีขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.001) ผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดจากการที่กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อว่าหากเกิดภาวะแทรกซ้อนกับตัวเองแล้ว อาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงกับตัวเองถึงขั้นพิการ หรือเสียชีวิตได้ จึงนำไปสู่พฤติกรรมการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องตามคำแนะนำส่งผลให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
สรุปและข้อเสนอแนะ :
สรุปผลการศึกษา :
หลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อด้านสุขภาพ การปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนโรคเบาหวาน มากขึ้น และค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ สามารถนำไปปฏิบัติเพื่อการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานได้จริง
|
|
ข้อเสนอแนะ : |
1. ควรมีการประยุกต์เพื่อนำไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเรื้อรังอื่นๆ
2. เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง จึงควรมีการศึกษาเพื่อการติดตามผล และประเมินผลความยั่งยืนของพฤติกรรมการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนโรคเบาหวาน เพื่อนำผลการ ศึกษาไปพัฒนา ปรับปรุงใช้ต่อไป
3. ควรมีการศึกษาวิจัยที่เชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของระบบบริการสาธารณสุข และผู้ให้บริการ องค์กรท้องถิ่น และภาคประชาชน เพื่อเป็นการพัฒนาความสามารถในการดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ยั่งยืนต่อไป
|
|
|
|
|
รางวัลที่ได้รับ : |
ยังไม่ได้รับรางวัล |
|
|
|
|
|
ดาวน์โหลด : เอกสารฉบับโครงร่าง
|
|
|
|
|