|
ประเภทบทความ/งานวิจัย : R2R |
สถานะ : จัดทำรายงาน |
บทความ/วิจัย เรื่อง : รายงานการสอบสวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน กรณี เหตุรถยนตพลิก คว่ํา ชวงหลักกิโลเมตรที่ 3 – 4 บนทางหลวงแผนดินหมายเลข 2336 (โนนเที่ยง – ยอดแกง) ตําบลยอดแกง อําเภอนามน จังหวดกาฬสินธุ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2559 |
ผู้แต่ง : |
สุดาทิพย ศรีจันทรเติม, วานิช รุงราม, พรพิมล อินทรชิต, สุนทร โยธาฤทธิ์ |
ปี : 2560 |
|
|
|
หลักการและเหตุผล : |
ทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) นามน ไดรับแจงจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
โรงพยาบาลนามน ผานทางโทรศัพท เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2559 เวลา 21.32 น. วาไดเกิดเหตุรถยนตพลิก
คว่ํา ชวงหลักกิโลเมตรที่ 3 – 4 บนทางหลวงแผนดินหมายเลข 2336 (โนนเที่ยง – ยอดแกง) ตําบลยอดแกง
อําเภอนามน จังหวดกาฬสินธุ มีผูบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 12 ราย จึงไดดําเนินการสอบสวนการบาดเจ็บใน
วันที่ 10 ธันวาคม 2559 เวลา 09.00 น. รวมกับโรงพยาบาลนามน โดยมีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาระบาด
วิทยาเชิงพรรณนาของการบาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อหาสาเหตุ ปจจัยในการสนับสนุนการปองกันและควบคุม
การบาดเจ็บจากการจราจรในที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ |
|
วัตถุประสงค์ : |
เพื่อศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนาของการบาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อหาสาเหตุ ปจจัยในการสนับสนุนการปองกันและควบคุมการบาดเจ็บจากการจราจรในที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ |
|
กลุ่มเป้าหมาย : |
ผูบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 12 ราย |
|
เครื่องมือ : |
แบบสอบสวนการบาดเจ็บทางถนน |
|
ขั้นตอนการดำเนินการ : |
ทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) นามนดําเนินการสอบสวนการบาดเจ็บในวันที่ 10 ธันวาคม 2559 เวลา 09.00 น. รวมกับโรงพยาบาลนามน
โดยการศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนาของการบาดเจ็บและเสียชีวิต
|
|
|
|
|
ผลการศึกษา : |
ผลการสอบสวนโรค จากการรวบรวมขอมูลการเกิดเหตุครั้งนี้ พบวา กอนเกิดเหตุรถยนตหมายเลข
ทะเบียน 1 กม 7255 ไดออกเดินทางจากบานเลขที่ 145 ห มู ที่ 7 ตําบลนามน อําเภอนามน จังหวัด
กาฬสินธุ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2559 เวลา 19.30 น. โดยมีคนในรถ 12 คน (รวมคนขับ) เพื่อไปเที่ยวงานงิ้ว
ที่อําเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ เมื่อเดินทางไปถึงบานหนองผาออม ตําบลหนองแวง อําเภอสมเด็จจึงไดรับ
โทรศัพทของเพื่อนอีกหนึ่งกลุม จํานวน 5 คน ที่มารออยูที่หมู 7 ตําบลนามน จึงไดกลับรถเพื่อมารับ เมื่อมาถึง
ที่เกิดเหตุ ชวงหลักกิโลเมตรที่ 3 - 4 เสนทางหลวงแผนดินหมายเลข 2336 เขตตําบลยอดแกง อําเภอนามน
จังหวัดกาฬสินธุ เวลาประมาณ 20.00 น. จากการสอบสวนผูประสบภัยที่ไมสลบและจดจําเหตุการณได ให
ขอมูลวา “เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเปนทางโคงที่มีซอย เปนสามแยกตรงจุดทางโคง และมีปมน้ํามัน ซึ่ง
คอนขางมืด มีรถจักรยานยนตสีดํา ไมทราบเลขทะเบียน ไมมีสัญญาณไฟไดเลี้ยวตัดหนารถของตนเพื่อเขาซอย
หมูบานยอดแกง ตนเองตกใจเมื่อเห็นรถในระยะกระชั้นชิด จึงตะโดนเรียกชื่อคนขับ “พี่โจ” จากนั้นรถก็เลี้ยว
เพื่อหักหลบรถจักรยานยนตคันดังกลาวขามไปอีกฝง เปนเหตุใหรถพลิกคว่ําและพุงลงคลองขางถนน” โดยมี
รายละเอียดดังนี้
ลักษณะประชากรของผูบาดเจ็บและผูเสียชีวิต
จากการสอบสวนเหตุการณครั้งนี้ พบผูประสบเหตุทั้งหมด 12 ราย โดยมีผูเสียชีวิตในที่เกิด
เหตุ 1 ราย เขารับการรักษาที่โรงพยาบาลนามน 11 ราย โดยไดรับการสงตอไปรักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ
6 ราย รับไวรักษาที่โรงพยาบาลนามน 1 ราย และอีก 4 ราย บาดเจ็บเล็กนอยจึงกลับบานได (ภาพที่ 1)
ผลการติดตามขอมูลการบาดเจ็บและเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ พบวา ผูบาดเจ็บมีจํานวน 11
ราย เปนชาย 6 ราย เปนหญิง 5 ราย มีอายุระหวาง 15 – 20 ป อายุเฉลี่ย 17.45 ป สวนผูเสียชีวิตเปน
เพศชาย อายุ 14 ป มีอาการหมดสติ ไมรู สึกตัว และเลือดไหลออกจากปากตลอดเวลา จากการวิเคราะห
ขอมูลลักษณะการบาดเจ็บตามสวนตาง ๆ ของรางกาย พบวา สวนใหญไดรับบาดเจ็บมากกวาหนึ่งสวนใน
รางกาย โดยไดรับบาดเจ็บมาบริเวณลําตัว ศีรษะ ขาซาย ใบหนา แขนซาย แขนขวา และขาขวา ตามลําดับ
โดยผูบาดเจ็บไมสลบและจดจําเหตุการณไดทุกคน (ภาพที่ 2) เหตุการณครั้ งนี้ถือวาเปนอุบัติเหตุที่มีความ
รุนแรง ทั้งจากสภาพรถยนตและการบาดเจ็บ โดยมีการระบุตําแหนงที่นั่งไดอยางชัดเจน ดังภาพที่ 3
พฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ยานพาหนะ
จากการสัมภาษณผูประสบเหตุเลาวา “พฤติกรรมของคนขับรถปกติ ไมมีลักษณะของการมึน
เมา ดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่ การใชความเร็วของรถปกติ ขับไมนาหวาดเสียว แตผูขับพึ่งกลับมาจากทํางานตางถิ่น
ไดประมาณ 4 – 5 วัน โดยปกติไมไดจับกลุมหรือเดินทางรวมกันบอย ๆ แตวันเกิดเหตุเปนการนัดเพื่อไปเที่ยว
งานงิ้วที่อําเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ โดยผูขับรถเปนเพียงคนเดียวที่คาดเข็มขัดนิรภัย สวนคนอื่น ๆ ไมได
คาดเข็มขัดนิรภัย เนื่องจากนั่งอัดแนนในรถ เมื่อตนมองเห็นรถจักรยานยนตที่เลี้ยวตัดหนา จึงตกใจและตะโดน
เรียกคนขับ “อายโจ” จากนั้นรถจึงพลิกค่ําและพุงลงขางทาง”
สภาพยานยนตที่เกิดเหตุ
รถที่เกิดเหตุเปนรถกระบะ 4 ประตู สีขาว หมายเลขที่เบียน 1 กม 7255 กรุงเทพมหานคร
สภาพตัวรถไดรับความเสียหามาก อยูในสภาพพลิกค่ํา โครงสรางของรถยุบและถูกบีบอัดจากดานบน (หลังคา
รถ) ลงมาถึงเบาะที่นั่ง มีรองรอยกระจกราว แตกรอบคัน ปายทะเบียนรถบิดงอ เบาะผูโดยสารมีการติดตั้งเข็ม
ขัดนิรภัยที่มีสภาพสามารถใชงานได รถไดรับการแตง เชน วงลอ เปนตน (ภาพที่ 4)
สภาพสิ่งแวดลอมที่เกิดเหตุ
บริเวณที่เกิดเหตุ อยูบนทางหลวงหมายเลข 2336 ชวงหลักกิโลเมตรที่ 3 – 4 เปนถนนสอง
เลน รถวิ่งสวนกัน มีเครื่องหมายจราจรบนพื้นถนนและไหลทางชัดเจนดี โดยเปนเสนแบงทิศทางการจราจร
ปกติ มีลักษณะเปนเสนทึบสีเหลือง (หามแซง) เนื่ องจากเปนทางโคง จึงหามแซงเพราะเคยเกิดอุบัติเหตุ
บอยครั้ง สภาพโดยทั่วไปของถนนอยูในสภาพดี ผิวการจราจรเปนลาดยางมะตอย ชองการจราจรแตละชอง
กวางประมาณ 3.50 เมตร ไหลทางกวางประมาณ 80 เซนติเมตร กอนเขาสูถนนชวงที่เกิดอุบัติเหตุเปนเขต
ชุมชนยอดแกง แตไมมีปายเตือนใหชะลอความเร็ว อีกทั้งถนนชวงที่เกิดเหตุไมมีไฟขางทางจะมีเฉพาะในเขต
ชุมชนเทานั้น ทําใหผูขับขี่รถในตอนกลางคืนมองเห็นเฉพาะในรัศมีที่ไฟหนารถสองถึงเทานั้น ทั้งสองขางทาง
ของถนนเปนทุงนาที่มีระดับต่ํากวาผิวถนนประมาณ 1.50 เมตร และมีตนไม กิ่งไม หญาล้ําเขามาในเสนทาง
เดินรถ
สรุปปจจัยที่นําไปสูการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บครั้งนี้
ประกอบดวย
1. สภาพถนนสองเลนที่ไมมีเกาะกลาง รถวิ่งสวนกันไปมา และมีรถบรรทุกขนาดใหญ และรถ
ขนพืชพรรณทางการเกษตรวิ่งจํานวนมาก เปนปจจัยเสริมในการเกิดเหตุครั้งนี้ (ภาพที่ 5)
2. ผูขับรถพึ่งเดินทางกลับมาจากทํางานตางถิ่น 4-5 วัน อาจเกิดความไมคุนชินกับเสนทางที่
มีความเสี่ยง
3. ทั้งถนนชวงที่เกิดเหตุไมมีไฟขางทาง ทําใหผูขับขี่รถในตอนกลางคืนมองเห็นเฉพาะในรัศมี
ที่ไฟหนารถสองถึงเทานั้น (ภาพที่ 6)
4. ไมมีปายเตือนใหชะลอความเร็ว หรือโคงอันตรายบริเวณจุดเสี่ยง
5. สภาพรถจักรยานยนตที่ไมพรอมใชงาน ชํารุด (ไมมีสัญญาณไฟ) กอใหเกิดความเสี่ยงที่จะ
เกิดอุบัติเหตุ
6. ตนไม กิ่งไม หญาล้ําเขามาในเสนทางเดินรถบดบังทัศนวิสัยในการใชรถใชถนน (ภาพที่ 7)
7. ชวงทางโคงไมมีราวกั้น (ภาพที่ 8) |
|
ข้อเสนอแนะ : |
ขอเสนอแนะและมาตรการในการปองกันการบาดเจ็บและเสียชีวิต
จากเหตุการณครั้งนี้ ไดกําหนดมาตรการและขอเสนอแนะ ดังนี้
1. ควรมีปายเตือนขนาดใหญและไดมาตรฐาน สีสะทอนแสงไดในที่มืด
2. ปรับปรุงระบบไฟฟาสองสวางขางทางใหมีแสงสวาง โดยเฉพาะอยางยิ่งจุดที่เสี่ยง
ตางๆ
3. ปรับปรุงภูมิทัศนสองฝงถนนใหมองเห็นไหลถนนที่ชัดเจน ไมมีตนไม หญามาบดบัง
4. ควรมีแนวกั้นหรือรั้วกั้นแนวทางโคง
5. รณรงคใหมีการซอมบํารุงยานพาหนะใหพรอมใชงานอยูเสมอ |
|
|
|
|
รางวัลที่ได้รับ : |
ยังไม่ได้รับรางวัล |
|
|
|
|
|
ดาวน์โหลด : เอกสารฉบับเต็ม (Fulltext)
|
|
|
|
|