ประเภทบทความ/งานวิจัย : วิจัย สถานะ : เก็บข้อมูล
   บทความ/วิจัย เรื่อง : การพัฒนาระบบการบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังและผลการชะลอไตเสื่อม โรงพยาบาลสมเด็จ
ผู้แต่ง : กัลญา ระมัยวงศ์ ปี : 2561
     
หลักการและเหตุผล : ในปัจจุบันโรคไตเรื้อรัง (chronic kidney disease, CKD) เป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลก และรวมทั้งในประเทศไทยด้วย เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร และมีการดำเนินของโรคไปสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (end-stage renal disease, ESRD) ที่ต้องได้รับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไตและการปลูกถ่ายไต (renal replacement therapy) สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยได้ทำโครงการวิจัย THAI SEEK PROJECT เมื่อปี 2550 โดยสำรวจเพื่อคัดกรองผู้ป่วยในกลุ่มตัวอย่าง 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพะเยา แพร่ มหาสารคาม หนองบัวลำภู สกลนคร ชลบุรี ลพบุรี ภูเก็ต สงขลา และกรุงเทพมหานคร ในประชาชนอายุ 18 ขึ้นไปด้วยการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และปัสสาวะ เพื่อสำรวจความชุกของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในประชากรไทยทั่วประเทศและเผยแพร่ความรู้เรื่องโรคไตให้ประชาชนได้ทราบรวมทั้งให้มีความตระหนักถึงผลกระทบของโรคไตเรื้อรัง จำนวนผู้ป่วย ESRD ที่ได้รับการบำบัดทดแทนไตเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 99.4 รายต่อประชากร 1 ล้านราย เป็น 275.29 รายต่อประชากร 1 ล้านราย พบผู้ป่วยโรคไตระยะที่ 1-5 ที่ต้องได้รับการรักษาร้อยละ 20 ในจำนวนนี้ยังไม่เคยได้รับการรักษาร้อยละ 88.4 เพราะไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคไต ความชุกของโรคไตเรื้อรังระยะ 1-2 ร้อยละ 8-9 และระดับ 3 ขึ้นไปร้อยละ 8.7 กลุ่มเสี่ยงของโรคไตเรื้อรังที่ต้องระมัดระวังคือผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย) จากเบื้องต้นพอสรุปได้ว่าจำนวนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงหันมาสนใจดูแลรักษาเชิงป้องกันหรือชะลอไตเสื่อมมากขึ้น ถึงแม้โรคไตเรื้อรังจะเป็นโรคที่รักษาไม่หายแต่สามารถชะลอการเสื่อมของไตได้ไม่ให้โรคดำเนินไปสู่ESRD หรือระยะที่ 5 ซึ่งต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองที่ถูกต้องตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะช่วยลดปัจจัยภาวะแทรกซ้อนและชะลอการเสื่อมของไตได้ร้อยละ 20-50 (ลีนา องอาจยุทธ 2549) การชะลอการเสื่อมของไตจะประสบความสำเร็จได้จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากสหสาขาวิชาชีพร่วมกับกลยุทธ์ในการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ เนื่องจากเภสัชกรเป็นหนึ่งในทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่มีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะในเรื่องของความร่วมมือในการใช้ยา ลดปัญหาที่สัมพันธ์กับการใช้ยา (Drug related problems,DRPs) การติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ การให้ความรู้ คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัว เพื่อให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเอง ผู้ศึกษาจึงมีความสนใจพัฒนาระบบการบริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงของการดำเนินสู่ภาวะไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ด้วยวิธีการที่มีรายงานการศึกษาว่าสามารถช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การควบคุมความดันโลหิต การควบคุมระดับน้ำตาล การลดระดับโปรตีนรั่วในปัสสาวะ การจำกัดอาหารโปรตีน การลดระดับไขมันในเลือดและการหลีกเลี่ยงยา ยาชุด สมุนไพร ที่เป็นผลเสียต่อไต  
วัตถุประสงค์ : 1.เพื่อพัฒนาระบบการบริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง 2.เพื่อศึกษาผลของการให้บริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง  
กลุ่มเป้าหมาย : ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มารับบริการในโรงพยาบาลสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์  
เครื่องมือ : 1.แบบบันทึกการให้การบริบาลทางเภสัชกรรม 2.ระบบข้อมูล จาก HosXP  
ขั้นตอนการดำเนินการ : รูปแบบของ structured care 1.มีการติดตามผู้ป่วยโดยพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตและพบเภสัชกรทุก visit ที่มารับบริการ 2.มีการติดตามผลทางห้องปฏิบัติการโดยวัดความดันโลหิตทุกครั้งที่มารับบริการ วัดระดับน้ำตาลในเลือด HbA1c และการทำงานของไตทุก 2-3 เดือน วัดระดับฮีโมโกลบิน (hemoglobin) ไขมันในเลือด (lipid profile) และ Ca ทุก 6 เดือน 3. ดูแลผู้ป่วยให้เป็นไปตามเป้าหมายของการรักษาดังนี้ - BP <140/90mmHg - HbA1c <7.5 % -LDL <100 mg/dl -พิจารณาให้ยา ACEI หรือ ARB ในกรณีที่ไม่มีข้อห้ามและติดตาม renal function , serum K+ 2 สัปดาห์หลังเริ่มยา และหลังจากนั้น ติดตามต่อเนื่องทุก 8 และ 12 สัปดาห์ -ในการพบผู้ป่วยแต่ละครั้งเภสัชกรจะประเมิน Adherence การใช้ยาผลทางห้องปฏิบัติการและแนะนำปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต (life style modification) หากเภสัชกรพบปัญหาที่สัมพันธ์กับการใช้ยาให้ปรึกษาแพทย์  
     
ผลการศึกษา :  
ข้อเสนอแนะ :  
     
รางวัลที่ได้รับ : ยังไม่ได้รับรางวัล  
     
  ดาวน์โหลด : เอกสารฉบับโครงร่าง